วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แม่แห่งชาติ ( 12 สิงหา )

ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ เป็นคู่พระบารมีในหลวงตลอดไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า  ด.ญ.ฐิตาภา  สายสิน

พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

เคยรู้บ้างมั้ยว่า……………
พ่อที่รักยิ่งของพวกเรา………. มีอารมณ์ขันที่สุนทรีย์ยิ่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของเรานั้น ทรงมีพระราชอารมย์ขันยิ่งนัก ดังตัวอย่างที่จะเล่าต่อไปนี้

พวกเดียวกัน

ในการเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอำเภอไกลๆ ที่กันดารนั้น บางครั้งกำนันก็อยากกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ แต่อันที่จริงนั้นไม่ต้องก็ได้ มิได้ทรงเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทรงถือว่าความจงรักภักดีและความเคารพในหัวใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าราชาศัพท์ แต่ถึงกระนั้นกำนันบางคนก็ยังอยากจะกราบบังคมทูลให้ถูกต้องตามแบบแผน อุตสาห์ไปซ้อมเสียหลายวัน ท่องมาจนจำขึ้นใจ แต่พอเสด็จฯ มาถึงเข้าจริงๆ ท่านกำนันก็รายงานตัวออกไปว่า “ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า…”

“เราพวกเดียวกันนะ…” รับสั่งด้วยความเมตาอย่างพ่อพูดกับลูก

ท่านกำนันเห็นว่าทรงพระกรุณาเช่นนั้น ก็เปลี่ยนใจมากราบบังคมทูลด้วยภาษาธรรมดา



ผู้หญิงตกเป็นของใคร

บางครั้ง ในหลวงของเราก็ต้องทรงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว เช่น ชาวเขาคนหนึ่งได้มากราบบังคมทูลร้องทุกข์ว่า เขาได้ให้หมูสองตัวกับเงินก้อนหนึ่งแก่เมีย แต่เมียพอได้เงินแล้วกลับหนีตามชู้ไป พระองค์ก็ทรงตัดสินว่า สามีจะต้องได้รับเงินชดใช้ และให้ปล่อยภรรยาไปตามใจของเธอ ญาติขิงทั้งสองฝ่ายก็พอใจ

รับสั่งเล่าด้วยพระรารชอารมณ์ขันว่า

“แต่ที่แย่ก็คือ ฉันต้องควักเงินให้ไป… ผู้หญิงนั้นก็เลยต้องตกเป็นของฉัน” รับสั่งแล้วก็ทรงพระสรวล

สักครู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็นำสุราพื้นเมืองมาถวาย “ถ้าฉันเมาพับไป อะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้…”



แจกปริญญาหลับใน

...ประมาณสองปีมาแล้ว ตอนเช้าได้ทำฟัน คือว่าหมอฟันมาเจาะฟัน เจาะจนเกือบจะทะลุคางไป (เสียงฮา) … เพราะว่าทะลุฟันซี่นั้นถึงราก ถอนเอาประสาทออก แล้วหมอฟันทั้งหลายก็สนุกสนานไป (เสียงฮา) กินเวลาประมาณสองชั่วโมง เวลาบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ก็รับประทานไม่ไหวปากมันชาไปหมดที่เขาฉีดไว้ ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ต้องมาแจกปริญญาที่นี่…

นับจำนวนผู้ที่มารับปริญญาแล้วก็ดูนาฬิกา จะได้รู้เวลา นับไปนับมา แจกไปแจกมา ก็มีคนหนึ่งทำให้ตกใจ เขาเดินเข้ามาหา มารับปริญญา แล้วก็ด้วยความพอใจของเขา เขาร้องออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” (เสียงฮา) … แต่บังเอิญตอนนั้นการแจกปริญญาก็ส่วนแจกปริญญา ส่วนปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน (เสียงฮา) ส่วนหลับในก็ส่วนหลับใน (เสียงฮา) มีเสียงเขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ” ต้องโสตประสาทตกใจตื่นทั้งตัว

แต่ว่าหลังตกใจตื่นขึ้นมาอาการปวดฟันหายไปจริงๆ นี่พูดตามวิสัยของนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าที่จะแจกปริญญาต่อไป ทำด้วยความรู้ตัวด้วย แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเรามีกำลังใจ ที่เขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ”…



ยิ้มของฉัน

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก เป็นที่สนใจต่อสื่อมวลชนของอเมริกาเป็นอย่างมาก จึงได้มีพระราชทานสัมภาษณ์ นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งได้ทูลถามว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงเคร่งขรึมนัก… ไม่ทรงยิ้มเลย?”



ทรงหันพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าฯ พลางรับส่งว่า “นั่นไง… ยิ้มของฉัน”

แสดงให้เห็นถึงพระราชปฏิภาณ และพระราชอารมณ์ขันอันล้ำลึกของพระองค์ท่าน ทำให้เป็นที่รักของประชาชนอเมริกันโดยทั่วไป ในวันที่เสด็จฯ รัฐสภาคองเกรส เพื่อทรงมีพระราชดำรัสต่อสภา จึงทรงได้รับการถวายการปรบมืออย่างกึกก้องและยาวนานหลายครั้ง

เพื่อนเยอะ

การเสด็จประพาสอเมริกาครั้งนั้น ควรจะได้เล่าถึง “บ๊อบ โฮ้พ” ไว้ด้วย เพราะทรงคุ้นเคยกับดาราผู้นี้ตั้งแต่ครั้งบ๊อบ โฮ้พ มาแวะกรุงเทพฯ เพื่อจะไปเปิดการแสดงกล่อมขวัญทหารอเมริกันในเวียดนาม ระหว่างแวะพักที่กรุงเทพฯ บ๊อบ โฮ้พ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ที่วังสวนจิตรฯ โดยโปรดเก้าพระราชทานเลี้ยงดินเนอร์ด้วย

บ๊อบ โฮ้พ กราบบังคมทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้า ขอพาเพื่อนไปด้วย”

“ได้เลย… ไม่ขัดข้อง” รับสั่งตอบ “พาเพื่อนของคุณมาได้เลย”

“ต้องขอขอบพระราชหฤทัยแทนเพื่อนหกสิบสามคนของข้าพระพุทธเจ้าด้วย”

คืนนั้น บ๊อบ โฮ้พ ได้นำวงดนตรีของเขา เข้าไปเล่นถวายอยู่จนดึก จึงกราบกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ที่บ้านของเขา รับสั่งว่า “ยินดี… ฉันพาเพื่อนหกสิบสามคนของฉันไปด้วยนะ”

บ๊อบ โฮ้พ กราบบังคมทูลเสียงอ่อยๆ ว่า “ติดด้วยเกล้า ว่าตกลงพ่ะย่ะค่ะ”

FBI

อีกครั้งหนึ่ง ได้พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้แทนของนิตยสาร Look พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งว่า เมื่อครั้งประธานาธิบดีของท่านมาเยือนประเทศไทย มีพวก FBI และหน่วย รปภ. ห้อมล้อมกันหนาแน่นไปหมด จนหาทางเดินไม่ได้ ถ้าฉันทำเช่นนั้นก็ไม่สามารถใกล้ชิดประชาชนได้ ถ้าผู้คนเบียดกันเข้ามาใกล้เกินไปจะมีคุณยายพูดขึ้นว่า “หลีกทางให้ในหลวงหน่อยเถอะ” คุณยายนั่นแหละคือ FBI ของฉัน

เอ๊ะ!! หรือเขาคิดกับเราเกินเพื่อน

เอ๊ะ!! หรือเขาคิดกับเราเกินเพื่อน"


ถ้าอยากรู้ว่าเขาคิด หรือไม่คิด ก็ต้องมาทำแบบทดสอบของพี่เหมี่ยวเลยจ้ะ

เขาคิดกับเรา "เกินเพื่อน" รึเปล่า?

1. เคยมีคำพูดประมาณนี้หลุดมาจากปากเพื่อนต้องสงสัยบ้างไหม?

ก. ผู้ชาย (หรือผู้หญิง) ในสเป็คของเธอเป็นแบบไหนเหรอ

ข. ไม่แน่ เราอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้

ค. โอ๊ย! เธอเนี่ยน่ารำคาญจริงๆ หรือ อุ๊ย! ไอ้บ้า

2. เมื่อเพื่อนต้องสงสัยคุยแชทกับน้องๆ เขามักจะคุยเรื่องอะไร?

ก. การบ้านหรือเรื่องฮาๆ

ข. คำแนะนำในการเดท (เขามักจะชอบคนโน้นคนนี้อยู่เสมอ)

ค. ครอบจักรวาล หาประเด็นหลักไม่ค่อยได้ แต่เขาก็พยายามจะคุย

3. ถ้าน้องๆ กำลังดูทีวีอยู่ที่บ้านเพื่อน เขามักจะทำอะไร?

ก. บ่นว่าน้องๆ แย่งที่นั่งดีๆ ไป และย้ายไปนั่งที่พื้นแทน

ข. นั่งติดกับน้องๆ บนโซฟา

ค. เหยียดแข้งเหยียดขาเต็มที่

4. เมื่อเพื่อนล้อว่าน้องๆ กับเขาเป็นแฟนกัน เพื่อนต้องสงสัยจะมีท่าทีอย่างไร?

ก. โกรธมาก "ผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันไม่ได้รึไง"

ข. ดูอายๆ และไม่ปฏิเสธ

ค. หัวเราะและถามเราว่า "นายคิดว่าไง"

5. เมื่อเพื่อนต้องสงสัยเห็นน้องๆ แต่งตัวสวย/หล่อเต็มยศ เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?

ก. ยิ้มและบอกน้องๆ ว่าดูดีมากขนาดไหน

ข. เคอะเขิน เงอะงะ และไม่กล้าสบตาน้องๆ เลย

ค. พูดติดตลกว่าจำน้องๆ แทบไม่ได้ "แต่งตัวยังงี้เกือบจะคล้ายคนแล้วเพื่อน"

6. มีคนกระซิบว่ามีคนแอบชอบมานานแล้ว น้องๆ เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนต้องสงสัยฟัง เขามีปฏิกิริยายังไง?

ก. ตบมือให้น้องๆ แล้วบอกว่า “ห้ามพลาดโอกาสนี้”

ข. อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องคุยโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ค. บอกว่าคนนี้น่ะไม่ได้เรื่อง ติคนที่แอบชอบน้องๆ อย่างนั้นอย่างนี้

7. เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพื่อนต้องสงสัยจะทำตัวยังไง?

ก. แสดงทีท่าเป็นเจ้าของ ไม่ค่อยอยากให้น้องๆ ใกล้ชิดเพื่อนเขามากเกินไป

ข. ปฏิบัติกับน้องๆ เหมือนเพื่อนเขาคนหนึ่ง

ค. แนะนำให้น้องๆ ชวนเพื่อนมาด้วย หลายคนจะได้สนุกๆ

8. เมื่อน้องๆ ถามเพื่อนต้องสงสัยว่าเขาชอบใครอยู่ เขาจะพูดว่าอะไร?

ก. มองหน้าน้องๆ อย่างหวั่นๆ แล้วตอบอ้อมแอ้มว่าไม่มี

ข. หัวเราะ "ก็เธอไงเล่า"

ค. บอกชื่อ 2-3 คนแล้วถามน้องๆ ว่าคนไหนดี

9. เมื่อต้องจับคู่ทำรายงาน เพื่อนต้องสงสัยอยากจะจับคู่กับน้องๆ มากกว่าเพื่อนที่เรียนเก่งใช่หรือไม่?

ใช่ / ไม่ใช่

10. เพื่อนต้องสงสัยโทรหาน้องๆ บ่อยๆ ทั้งที่ไม่มีเหตุผล แค่เพียงอยากคุยด้วยใช่หรือไม่?

ใช่ / ไม่ใช่

ตอบเสร็จแล้วก็ต้องมารวมคะแนนกันจ้ะ

ข้อ ก. ข. ค.

1. 10 15 5

2. 10 5 15

3. 5 15 10

4. 5 10 15

5. 15 10 5

6. 5 10 15

7. 15 10 5

8. 10 15 5

9. ใช่ = 15 ไม่ใช่ = 0

10. ใช่ = 15 ไม่ใช่ = 0

รวมคะแนนกันเสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะ งั้นเรามาดูคำเฉลยกันเลยดีกว่า.....

120-150 คะแนน >> คิดเกินเพื่อน เพื่อนคนนี้ชื่นชมน้องๆ ไม่หยุดหย่อน หรือไม่เขาก็พยายามก่อกวนความสัมพันธ์ของน้องๆ กับหนุ่ม/สาวอื่น ทั้งสองคนมีโอกาสสูงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปไกลกว่าเพื่อน ถามตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับเขากันแน่? ถ้าคิดตรงกับเขา ก็อยากแนะนำให้ทำอะไรที่ครีเอทีฟกว่าการออกเดทธรรมดา ดูหนัง หรือเดินจับมือ แต่น่าจะเป็นเล่นกีฬาด้วยกัน ออกค่ายทำกิจกรรมเพื่อสังคม ฯลฯ กิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงนี้จะทำให้ทั้งสองคนเผยตัวตนออกมาทีละนิด จะได้รู้ว่าจะเข้ากันได้จริงหรือเปล่า

80-115 คะแนน >> มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน เมื่อกี๊แกล้งน้องๆ อยู่ดีๆ ตอนนี้ไหงกลับหันมาทำตาหวานใส่ เพื่อนต้องสงสัยคนนี้พยายามเก็บความรู้สึกที่มีให้ อาการเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงแบบนี้เป็นเพราะเขากลัวความรักจะทำลายความเป็นเพื่อน ในทางกลับกันเขาก็กล้าจีบเพราะคิดว่าน้องๆ คงคิดว่าเขาหยอกเล่น ถ้าชอบเพื่อนคนนี้แบบแฟนก็ให้ความสนิทสนมกับเขา (ตามน้ำไปเลย) ถ้าจูนคลื่นใจตรงกันแล้ว ก็ไปดูคำแนะนำของกลุ่มแรกว่าควรทำอะไรต่อไป แต่ถ้าไม่ได้ชอบเขาเกินเพื่อน ก็แสดงท่าทีให้แจ่มชัดไปเลยว่า "เราแค่เพื่อนกันเท่านั้นนะเฟ้ย" ไม่ต้องเลิกคบ แต่ก็ห้ามให้ความหวัง

40-75 เพื่อนตลอดไป >> น้องๆ กับคนๆ นี้มีความเป็นเพื่อนที่แข็งแกร่ง พวกคุณเป็นตัวของตัวเองมากเวลาอยู่ด้วยกัน อาจจะเศร้าบ้างถ้าน้องๆ เกิดชอบเพื่อนคนนี้ เพราะต้องเผชิญความจริงว่าบางครั้งความเป็นเพื่อนก็คือเพื่อนจริงๆ ไม่สามารถพัฒนาได้ เมื่อหยุดหลอกตัวเอง จะเห็นว่าเขาไม่เคยมองคุณด้วยแววตาซึ้งๆ เลย เอาเป็นว่าถ้าคิดจะมีแฟน มองหาคนอื่นดีกว่า