วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

ประโยคความซ้อน

     ประโยคความเดียวเป็นประโยคที่มีใจความสำคัญเพียงเรื่องเดียว มีภาคประธานภาคเดียว ภาคแสดงภาคเดียว มีกริยาสำคัญเพียงตัวเดียว เช่น มีภาคประธานหนึ่งภาค ภาคแสดงหนึ่งภาค ดังนี้

เราอาจจะขยายความส่วนต่าง ๆ ของประโยคได้ดังนี้



ประโยคใหม่ที่นำมาซ้อนลงในประโยคเดิมที่เรียกว่า ประโยคความซ้อน
นักเรียนเข้าใจลักษณะการซ้อนนี้หรือไม่ มองเห็นภาพหรือยัง
ประโยค น้องมองดูแม่หุงข้าว
    ประโยคเดิม คือ น้องมองดูแม่ครัว
    ประโยคใหม่ ที่นำมาซ้อนลงไปในประโยคเดิม คือ แม่ครัวหุงข้าว
ประโยค ฝนตกหนักจนร่มหัก
    ประโยคเดิม คือ ฝนตกหนัก
    ประโยคใหม่ที่ซ้อนลงมาในประโยคเดิม คือ จนร่มหัก (จนเป็นคำเชื่อประโยค)

ตัวอย่างเช่น
ฝนตกนอกฤดู ซ้อนเข้ามาในประโยค ฝนตกหนักมาก
ดารณีเป็นลูกตำรวจ ซ้อนเข้ามาในประโยค ดารณีเรียนเก่ง
จนร่มหัก ซ้อนเข้ามาในประโยค ฝนตกหนัก
แม่ครัวหุงข้า ซ้อนเข้ามาในประโยค น้องมองดูแม่ครัว

เหตุใดจึงต้องนำประโยคมาซ้อนกัน
เหตุ เพราะ เวลาที่คนเราสื่อสารกัน เรามักจะบอกรายละเอียดของสิ่งที่เราพูดถึงหรือเขียนถึง ถ้ารายละเอียดนั้นเป็นเพียงคำ หรือ กลุ่มคำ (วลี) ใจความสำคัญจะมีเพียงเรื่องเดียว แต่ถ้าส่วนขยายนั้นเป็นประโยค จะมีใจความสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง นี่เองที่ทำให้มีประโยคความซ้อนในภาษาไทย

การเรียนเรื่องประโยคความ ซ้อนเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ยังมีนักเรียนจำนวนมากที่เรียนไม่เข้าใจ นั่นเป็นเพราะ นักเรียนไม่ทราบว่า การซ้อนประโยคนั้นซ้อนกันอย่างไร และซ้อนเพื่ออะไร นักเรียนจะงงว่าที่ต้องท่องนำว่า มุขยประโยคและอนุประโยคนั้น คืออย่างไรกันแน่ เอาเป็นว่า เรียนรู้วิธีการซ้อนและศึกษาเหตุผลในการซ้อนก่อน แล้วค่อยไปนำกฎเกณฑ์ทีหลัง จะเข้าใจได้ อย่างไม่มีวันลืม ตอนนี้เข้าใจหรือยัง ถ้าเข้าในแล้ว ครูจะให้ดูตัวอย่างประโยคความซ้อนต่อไปนี้

ประโยคความซ้อนหรือสังกรประโยคมี 3 ชนิด คือ
1. คุณานุประโยค ทำหน้าที่ขยายคำนามและคำสรรพนาม
2. วิเศษณานุประโยค ทำหน้าที่ขยายคำกริยาและคำวิเศษณ์
3. นามานุประโยค ทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม และส่วนเติมเต็ม

ประโยคที่นำมาขยายกริยาหรือคำวิเศษณ์มีคำศัพท์เรียกว่า วิเศษณานุประโยค
ฝนตกจนน้ำท่วม
ประโยคน้ำท่วม ขยายคำกริยา ตก (จน เป็นคำเชื่อมประโยค)

เขาเดินจนเขาอ่อนเพลีย
ประโยค เขาอ่อนเพลีย ขยายคำกริยา เดิน (จน เป็นคำเชื่อประโยค)

เขาทำตามพี่บอก
ประโยค พี่บอก ขยายคำกริยา ทำ (ตาม เป็นคำเชื่อมประโยค)

เธอมาหาเพื่อนเมื่อเพื่อนสอบเสร็จ
ประโยค เพื่อนสอบเสร็จ ขยายคำกริยา มาหา (เมื่อ เป็นคำเชื่อมประโยค)

เขาร้องเพลงเก่งจนเขาได้รับคำชม
ประโยค เขาได้รับคำชม ขยายคำวิเศษณ์ เก่ง (จน เป็นคำเชื่อมประโยค)

วารินทำงานมากจนกระทั่วเขาไม่มีเวลาให้ลูก
ประโยค เขาไม่มีเวลาให้ลูก ขยายคำวิเศษณ์ มาก (จนกระทั่ง เป็นคำเชื่อมประโยค)

ฝนตกหนักจนร่มหัก
ประโยค ร่มหัก ขยายคำวิเศษณ์ หนัก (จน เป็นคำเชื่อมประโยค)

ประโยคที่นำมาซ้อนในตำแหน่งของประธาน กรรมและส่วนเติมเต็มนี้ มีคำศัพท์เรียกว่า นามานุประโยค
นักเรียนหิ้วกระเป๋าข้ามถนน
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิม คือ นักเรียนข้ามถนน
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ นักเรียนหิ้วกระเป๋า ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

คุณหมอจดรายการสั่งซื้อยา
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิม คือ คุณหมอสั่งซื้อยา
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ คุณหมอจดรายการ ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

แม่ครัวหั่นผักทำกับข้าว
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิม คือ แม่ครัวทำกับข้าว
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ แม่ครัวหั่นผัก ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

น้องช่วยเพื่อนทำของเล่น
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิม คือ น้องช่วยเพื่อน
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ เพื่อทำของเล่น ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค

ครูใหญ่ช่วยนักเรียนยากจน
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิมคือ ครูใหญ่ช่วยนักเรียน
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ นักเรียนยากจน ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
ครูฮวดเป็นครูสอนภาษาไทย
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิม คือ ครูฮวดเป็นครู
ประโยคที่นำมาซ้อนคือ ครูสอนภาษาไทยทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มของประโยค

ประโยคที่นำมาซ้อนในตำแหน่งของประธาน กรรม และส่วนเติมเต็มนี้ มีคำศัพท์เรียกว่า นามานุประโยค
ประโยคความซ้อนมีคำศัพท์เรียกว่า สังกรประโยค
ประโยคใหญ่หรือประโยคเดิมเรียกว่า มุขยประโยค (มุขย แปลว่า เป็นใหญ่)
ประโยคที่นำมาซ้อนลงไปในประโยคเดิม เรียกว่า อนุประโยค (อนุ แปลว่า น้อย)